
ความเจริญรุ่งเรืองทางด้านพุทธศาสนาหรือที่เรียกว่า” ยุคทอง” ของเมืองพะเยาในสมัยพระญายุธิษฐิระเป็นผลมาจากความเลื่อมใสศรัทธาของพระองค์ที่มีต่อพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์นิกายสีหลฝ่ายอรัญวาสี เช่นเดียวกับพระเจ้าติโลกราชกษัตริย์ล้านนาเชียงใหม่ ซึ่งพระองค์ทรงมีความศรัทธาและเชื่อว่า พุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์นิกายสีหลฝ่ายอรัญวาสีเป็นพุทธศาสนาที่บริสุทธิ์ที่สามารถทำให้พระองค์บรรลุการเป็น “พระจักรพรรดิราช”หรือ”ธรรมราชา”ได้

ตามคติความเชื่อของศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์ ซึ่งมีมาตั้งแต่ครั้งสมัยพระเจ้าอโศกราชแห่งชมพูทวีป พระองค์ทรงเป็นทั้งราชาเหนือราชาและราชาผู้ทรงธรรม ความปรารถนาของพระเจ้าติโลกราชได้ปรากฏอยู่ในหลักฐานจารึกวัดสันต้นม่วง พย. 45 พ.ศ. 2021 เป็นจารึกที่พบในเมืองพะเยาสร้างเมื่อสมัยพระญายุธิษฐิระ มาเป็นเจ้าสี่หมื่นปกครองเมืองพะเยา

เนื้อหาจารึกได้กล่าวยกย่องสรรเสริญความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าติโลกราชเปรียบดั่งพระเจ้าอโศกราชแห่งชมพูทวีป โดยมีการเรียกพระนามของพระเจ้าติโลกราชว่า ” สมเด็จพระราชาอโศกราชเจ้าเมืองพิง” ซึ่งนัยนี้แสดงให้เห็นถึง ความเป็นมหาราชาของพระเจ้าติโลกราชเหนือกว่ากษัตริย์ใดๆทั้งปวง

ด้วยเหตุผลดังกล่าวมาข้างต้น เมื่อพระญายุธิษฐิระมีพระประสงค์จะสร้างมหาสังฆาราม”โลกติลกสังฆาราม”เพื่อให้เป็นสังฆารามของคณะสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสีที่บ้านหนองเต่าในเมืองพะเยา ดังนั้นจึงได้รับการสนับสนุนจากพระเจ้าติโลกราชอย่างเต็มที่ นอกจากการสร้างวัดโลกติลกสังฆารามให้เป็นวัดประธานในสังฆารามแล้ว ยังได้มีการสร้างวัดสำคัญๆของฝ่ายอรัญวาสีอีกหลายวัดในเมืองพะเยา เช่น วัดติโลกอาราม วัดพระญาร่วง วัดป่าแดงหลวงดอนไชย เป็นต้น รวมทั้งการอุทิศถวายที่ดินหมู่บ้าน นาจังหัน เงินทองและข้าวัดจำนวนมากมายให้กับวัดเพื่อเป็นการทำนุบำรุงพุทธศาสนาของทั้งสองกษัตริย์คือ พระเจ้าติโลกราชกับพระญายุธิษฐิระซึ่งเป็นองค์อุปถัมภก ส่งผลให้คณะสงฆ์พุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์นิกายสีหลฝ่ายอรัญวาสีในเมืองพะเยาเจริญรุ่งเรืองยาวนาน
ขอบคุรเรื่อง/ข้อมูล โดย เกื้อพงษ์ ชัยดรุณ